โปรดอ่านประกาศความเป็นส่วนบุคคลฉบับนี้ (“ประกาศ”) อย่างละเอียด เนื่องจากข้อตกลงฉบับนี้ทำขึ้นและมีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างบริษัท พรีเมี่ยม เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด (“บริษัท”) และท่านในฐานะผู้ถือวารันตี (Warranty) และใช้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์กับเครือข่ายอู่ซ่อมบำรุงของบริษัทอันเนื่องมาจากการถือวารันตีนั้น หรือตัวแทน หรือผู้ประสานงานแทนของบุคคลดังกล่าว
เนื่องด้วยบริษัทอาจได้รับข้อมูลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) และเพื่อให้การจัดเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนบุคคลฉบับนี้เพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังนี้
1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลในการจัดทำวารันตีและการซ่อมบำรุงรถยนต์
- ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อและนามสกุล เพศ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ลายมือชื่อ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/หนังสือเดินทาง
- ข้อมูลการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์ ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ในการจัดส่งเอกสาร
- ข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ เช่น สำเนาและข้อมูลคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ ข้อมูลทะเบียนรถยนต์ ยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ หมายเลขตัวถัง สำเนาสัญญาซื้อขายรถยนต์ ความจุกระบอกสูบ (CC) ข้อมูลเครื่องยนต์และรถยนต์ เลขไมล์ วันที่จดทะเบียนรถยนต์ ข้อมูลการประเมินรถยนต์ ภาพถ่ายรถยนต์ และใบตรวจสอบสภาพรถยนต์ (ถ้ามี)
- ข้อมูลเกี่ยวกับวารันตี เช่น หมายเลขสัญญา ประเภท/แพ็คเกจวารันตี วันที่ซื้อวารันตี หมายเลขรหัสวารันตี (Service Book ID) ชื่อและรหัสตัวแทนจำหน่ายวารันตี
- ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้ารับการซ่อมบำรุงตามวารันตี เช่น ใบรับรองเลขประกันภัย วันที่เข้ารับการซ่อมบำรุงและกำหนดส่งมอบรถยนต์ สาขาที่เข้าใช้บริการ รายละเอียดข้อมูลและอะไหล่ที่ได้รับการซ่อมบำรุง เลขไมล์ ระดับน้ำมัน รายละเอียดการเสนอราคา ภาพถ่ายหรือบันทึกภาพเกี่ยวกับรถยนต์/อะไหล่ (ถ้ามี)
- ข้อมูลเกี่ยวกับนายจ้างของท่าน หรือผู้มอบอำนาจแก่ท่าน (กรณีท่านเป็นตัวแทนเข้ารับบริการ)
- ข้อมูลเกี่ยวกับตัวแทน หรือผู้ประสานงานแทนของท่าน (ถ้ามี)
- ข้อมูลอื่นใดที่ท่านได้แจ้งแก่บริษัท (ถ้ามี)
1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลด้านการเงิน
- ข้อมูล หลักฐาน และรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระค่าวารันตี ประวัติการชำระเงิน และหลักฐานการชำระเงิน ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคารที่ชำระเงินให้แก่บริษัท (ถ้ามี) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร ชื่อธนาคารพาณิชย์ของบัญชีธนาคาร เป็นต้น
- ประวัติและรายละเอียดการเคลมวารันตี
1.3 ข้อมูลส่วนบุคคลด้านเทคนิค
หากท่านมีการเข้าถึงและใช้งานระบบสารสนเทศ ระบบเครือข่ายสารสนเทศ และเครือข่ายไร้สาย (Wifi) ของบริษัทหรืออู่ของบริษัท บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลด้านเทคนิคของท่าน เช่น ตัวระบุอุปกรณ์ หมายเลข IP Address รหัสประจำตัวอุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ ข้อมูลการเชื่อมต่อ ประเภทของเบราว์เซอร์ (Browser) ข้อมูลบันทึกการเข้าออกและใช้งาน ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) ข้อมูลเว็บไซต์ที่เข้าถึงก่อนและหลัง (Referring Website) เป็นต้น
1.4 ข้อมูลด้านการร้องเรียน/ข้อพิพาท
ข้อมูลด้านการบริหารจัดการงานเรื่องร้องเรียนและข้อพิพาท เช่น ข้อมูลการตรวจสอบ การสืบสวนสอบสวนพฤติกรรมทุจริต หรือขัดต่อกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับของบริษัท หรือสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท ข้อมูลการพิจารณาและลงโทษ การดำเนินคดี และการใช้สิทธิของบริษัททางกฎหมาย รวมถึงข้อมูลรายงานกรณีที่มีการส่งรายงานแก่หน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย
1.5 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์
บริษัทไม่มีวัตถุประสงค์หรือกลุ่มเป้าหมายในการจัดจำหน่ายวารันตีหรือให้บริการแก่ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามบางกรณีบริษัทอาจจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวเป็นครั้งคราวเพื่อจัดการข้อร้องเรียน/ข้อพิพาท (ถ้ามี) โดยกรณีดังกล่าวบริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์
1.6 ข้อมูลที่ไม่มีความประสงค์ในการจัดเก็บ
โดยทั่วไปบริษัทไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล (1) สัญชาติ (2) ศาสนา (3) หมู่โลหิต และ (4) วันเดือนปีเกิด ที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/หนังสือเดินทางของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/หนังสือเดินทางให้แก่บริษัท ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าวก่อนส่งมอบให้แก่บริษัท และหากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลนั้นให้ถือว่าท่านอนุญาตให้บริษัทดำเนินการปกปิดข้อมูลดังกล่าวได้ และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลนั้นมีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ อย่างไรก็ตามในอนาคตอาจมีบางกิจกรรมที่บริษัทจะขอข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนของท่านเป็นการเพิ่มเติม โดยบริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไป
1.7 ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ได้แก่
- ข้อมูลการติดต่อสื่อสารและทำกิจกรรมกับบริษัท เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสอบถามผ่านทางช่องทางของบริษัท ประวัติการเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท เป็นต้น
- การบริหารจัดการด้านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ซึ่งมีท่านหรือข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของสื่อโฆษณาหรือสื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัท (ถ้ามี)
- ภาพและเสียงที่ได้รับการบันทึกผ่านกล้องวงจรปิด ภาพถ่าย บันทึกภาพ และบันทึกเสียงการสนทนา (ถ้ามี)
2. วิธีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
2.1 การจัดเก็บโดยตรงจากผู้ใช้บริการ
ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทโดยตรงผ่านขั้นตอนการซื้อและจัดทำวารันตี (Warranty) การเคลมวารันตีและการเข้ารับการซ่อมบำรุงอะไหล่/รถยนต์กับเครือข่ายอู่ซ่อมบำรุงของบริษัท การติดต่อกับบริษัท การสอบถามข้อมูล การกรอกแบบฟอร์ม การร้องเรียน การเข้าร่วมกิจกรรม การทำแบบสำรวจความคิดเห็น (Survey) หรือการให้ความเห็น/คำติชมแก่บริษัท โดยอาจเป็นการให้ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และกระดาษ
2.2 การจัดเก็บโดยอัตโนมัติ
หากท่านมีการเข้าถึงและใช้งานระบบสารสนเทศ ระบบเครือข่ายสารสนเทศ หรือเครือข่ายไร้สาย (WIFI) ของบริษัทหรืออู่ซ่อมบำรุงของบริษัท บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลด้านเทคนิคของท่าน เช่น ตัวระบุอุปกรณ์ หมายเลข IP Address รหัสประจำตัวอุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ ข้อมูลการเชื่อมต่อ ประเภทของเบราว์เซอร์ (Browser) ข้อมูลบันทึกการเข้าออกและใช้งาน ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) ข้อมูลเว็บไซต์ที่เข้าถึงก่อนและหลัง (Referring Website) เป็นต้น
2.3 การจัดเก็บจากบุคคลที่สาม
บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม ได้แก่
- ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์หรือผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์แก่ท่าน
- เครือข่ายอู่ซ่อมบำรุงของบริษัทที่ท่านเข้าใช้บริการเพื่อซ่อมบำรุงรถยนต์ตามวารันตี
- นายจ้างของท่าน หรือผู้มอบอำนาจแก่ท่าน (กรณีท่านเป็นตัวแทนเข้ารับบริการ)
- ตัวแทน หรือผู้ประสานงานแทนของท่าน (ถ้ามี)
- อื่นๆ (โปรดระบุ ถ้ามี)
3. วัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (“การประมวลผลข้อมูล”) เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกรวมกันว่า “วัตถุประสงค์การใช้ข้อมูล”)
วัตถุประสงค์/กิจกรรม | ฐานทางกฎหมาย ในการประมวลผลข้อมูล |
1. การจัดทำวารันตี
การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำและจำหน่ายวารันตีให้แก่ท่านตามขั้นตอนของบริษัท ซึ่งรวมถึงการประสานงาน การติดต่อสื่อสาร และการส่งมอบหนังสือรับประกันให้แก่ท่าน ตลอดจนดำเนินงานอื่นใดตามขั้นตอนของบริษัทเพื่อจัดทำสัญญาและส่งมอบวารันตีแก่ท่าน และรวมถึงสัญญาหรือข้อตกลงอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับข้อตกลงของวารันตีดังกล่าวด้วย (ถ้ามี) ทั้งนี้ กรณีที่ท่านเป็นตัวแทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ประสานงานแทนของผู้ถือ |
ฐานสัญญา และฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย |
2. การตรวจสอบการรับประกันและการซ่อมบำรุงรถยนต์
การดำเนินการตามขั้นตอนของบริษัทเพื่อตรวจสอบขอบเขตการรับประกันของวารันตี (Warranty) และจัดทำเอกสารการเคลมวารันตีให้แก่ท่าน ตลอดจนการซ่อมบำรุงรถยนต์/อะไหล่ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบยืนยันตัวตนของท่านก่อนการดำเนินการจัดทำเรื่องเคลมวารันตีและการซ่อมบำรุงให้แก่ท่าน |
ฐานสัญญา และฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย |
3. การบริหารจัดการด้านการเงิน
การดำเนินการตามขั้นตอนของบริษัทเพื่อบริหารจัดการด้านการเงิน ซึ่งรวมถึงกรณีดังต่อไปนี้(1) การบริหารจัดการเกี่ยวกับการชำระค่าวารันตี และค่าซ่อมบำรุงรถยนต์ (ถ้ามี) เช่น การจัดทำประวัติการชำระเงิน การออกใบเสร็จรับเงิน การเสนอราคา (2) การตรวจสอบขอบเขตการรับประกันและการดำเนินการเพื่อเคลมวารันตีให้แก่ท่าน (กรณีการเคลมประกัน) (3) การบริหารจัดการเรื่องภาษีอากรและหลักฐานทางภาษี |
ฐานสัญญา ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย และฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย |
4. การบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กร
การดำเนินการเพื่อบริหารจัดการและควบคุมความเสี่ยงของบริษัท โดยครอบคลุมแต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงด้านธุรกิจ ด้านผลิตภัณฑ์/บริการ และด้านสภาพคล่อง |
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย |
5. การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร
การแจ้งข้อมูลหรือนำเสนอข่าวสารแก่ท่านเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ การโฆษณา การส่งเสริมการขาย เหตุการณ์สำคัญ หรือกิจกรรมอื่นของบริษัท รวมถึงการเชิญชวนเข้าร่วมงาน กิจกรรม หรือโครงการอื่นของบริษัท โดยแจ้งผ่านทางช่องทางที่ท่านตกลงอนุญาต เช่น ที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์ ข้อความ (SMS) เป็นต้น |
ฐานความยินยอม |
6. การทำการตลาดเฉพาะบุคคล
การวิเคราะห์และการประมวลผลข้อมูลของท่านเพื่อจัดทำและนำเสนอโฆษณา ข้อเสนอ หรือรายการส่งเสริมการขายแก่ท่านในลักษณะของการทำการตลาดหรือการโฆษณาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) ซึ่งรวมถึงการเชื่อมโยงระหว่างนิสัยกับพฤติกรรม ความชอบ ความคิดของท่าน |
ฐานความยินยอม |
7. การพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ
การดำเนินการเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท ซึ่งรวมถึงการสำรวจและสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ การศึกษาวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล การทดสอบและทดลอง และการดำเนินการอื่นใดเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว |
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย |
8. การบริหารจัดการด้านสื่อโฆษณาและการประชาสัมพันธ์
การบริหารจัดการและการดำเนินการด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับบริษัท หรือผลิตภัณฑ์ บริการ หรือกิจกรรมของบริษัท ซึ่งมีท่านหรือข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของสื่อโฆษณาหรือสื่อประชาสัมพันธ์ |
ฐานความยินยอม |
9. การจัดการข้อร้องเรียน ข้อพิพาท และคดีความ
การดำเนินการเพื่อตรวจสอบและจัดการเกี่ยวกับข้อร้องเรียน ข้อพิพาท และคดีความ รวมถึงการดำเนินการเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมายของบริษัท |
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย และฐานการจำเป็นเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องหรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย (กรณีข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน) |
10. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
การดำเนินการเพื่อประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ ข้อมูล และทรัพย์สินของท่านและบริษัท ซึ่งรวมถึง
|
ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย |
11. การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือคำสั่งของหน่วยงานรัฐ
การดำเนินการเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ หรือระเบียบของหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจซึ่งไม่จำกัดแต่เพียงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากร และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือคำสั่งจากหน่วยงานรัฐ รวมถึงการปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย |
ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย |
12. การป้องกันภยันอันตราย
การดำเนินการด้วยความสุจริตว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น ในกรณีที่ท่านไม่สามารถให้ความยินยอมเพื่อเปิดเผยข้อมูลในขณะนั้นได้ และไม่มีวิธีการอื่นใดที่จะช่วยป้องกันหรือระงับอันตรายดังกล่าวได้แล้ว |
ฐานป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล |
4. การจัดเก็บและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เหมาะสม และสอดคล้องกับระดับความลับของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลประเภทข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งกรณีที่เป็นการจัดเก็บในรูปแบบเอกสารกระดาษและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ พนักงานทุกคนของบริษัทจะยึดถือปฏิบัติตามแนวทางรักษาความปลอดภัยที่บริษัทกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยบริษัทอนุญาตให้มีการเข้าถึงและใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะพนักงานหรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูล
5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทดำเนินการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตลอดระยะเวลาการรับประกันตามวารันตี และจัดเก็บต่อไปอีก โดยบริษัทจะจัดให้มีการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าว หรือเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่มีความจำเป็นในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลแล้ว เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งจากหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงการบังคับใช้สิทธิตามกฎหมายหรือสัญญาตามที่บริษัทเห็นสมควร
6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลภายนอกภายใต้ขอบเขตวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูล โดยบุคคลภายนอกที่บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ได้แก่
6.1 บุคลากรของบริษัท
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้วัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลตามประกาศฉบับนี้ โดยบริษัทจะจำกัดเฉพาะบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงและเปิดเผยแก่บุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นตามหลักรู้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น (Need to Know Basis)
6.2 ผู้ให้บริการภายนอก
บริษัทอาจใช้บริการผู้ให้บริการภายนอกที่จำเป็นในการบริหารจัดการและการดำเนินงานของบริษัทตามวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูล เช่น ผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการบริหารจัดการข้อมูล ผู้ให้บริการคลาวด์สำหรับการสำรองข้อมูลและจัดเก็บข้อมูล (Cloud Service Provider) ผู้ให้บริการเกี่ยวกับการจัดการข้อร้องเรียน ผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อลูกค้า (Call Center) ผู้ให้บริการเกี่ยวกับการประสานงานและการช่วยเหลือฉุกเฉิน ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการอีเมล ผู้ให้บริการทางการเงินและการชำระเงิน เป็นต้น รวมถึงที่ปรึกษาและผู้ให้บริการด้านวิชาชีพต่าง ๆ เช่น ที่ปรึกษาและสำนักงานกฎหมาย ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ เป็นต้น
6.3 ตัวแทนจัดจำหน่าย
บริษัทอาจได้รับหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ตัวแทนผู้จัดจำหน่ายวารันตีของบริษัท เพื่อดำเนินการตามสัญญาระหว่างบริษัทและตัวแทนผู้จัดจำหน่ายดังกล่าวในการจัดทำสัญญาซื้อขายวารันตีให้แก่ท่าน โดยบริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
6.4 เครือข่ายอู่ซ่อมบำรุง
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่เครือข่ายอู่ซ่อมบำรุงที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทเพื่อให้บริการเกี่ยวกับการ
เคลมวารันตีและซ่อมบำรุงรถยนต์ของท่านตามวารันตี
6.5 หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นที่กฎหมายกำหนด
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นที่กฎหมายกำหนด รวมถึงเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าว เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ หรือระเบียบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่จำกัดแต่เพียงกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกรณีที่เป็นคำสั่งจากหน่วยงานรัฐหรือศาล รวมถึงการปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย การใช้สิทธิตามกฎหมายของบริษัท
6.6 บุคคลภายนอกอื่นๆ
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกอื่นๆ เช่น นายจ้างหรือผู้มอบอำนาจให้แก่ท่าน (กรณีท่านเป็นตัวแทนเข้ารับบริการ) ตัวแทนหรือผู้ประสานงานแทนของท่าน (ถ้ามี) เป็นต้น ทั้งนี้ การเปิดเผยจะยังคงอยู่ภายใต้หลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
7. สิทธิของเจ้าของข้อมูล
ท่านมีสิทธิในการร้องขอให้บริษัทดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้
7.1 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right of Access)
สิทธิในการขอเข้าถึง หรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
7.2 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to Rectification)
สิทธิขอตรวจสอบ เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้มีความถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน โดยไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.3 สิทธิในการคัดค้านการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)
สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ โดยบริษัทจะดำเนินการดังกล่าวในกรณีดังต่อไปนี้
- กรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลภายนอก หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะในการประมวลผลข้อมูล เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทสามารถแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้อง หรือการยกข้อต่อสู้ตามกฎหมาย
- การประมวลผลข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ของการตลาดแบบตรง
- การประมวลผลข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท
7.4 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Data Portability)
ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
7.5 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
ในกรณีที่บริษัทอาศัยความยินยอมของท่านเป็นฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมสำหรับการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัทได้ตลอดระยะเวลาที่บริษัทจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมแล้ว
7.6 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Erasure)
สิทธิในการขอให้บริษัทลบหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในกรณีดังต่อไปนี้
- ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่มีความจำเป็นสำหรับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลแล้ว
- ท่านขอถอนความยินยอมที่เป็นฐานในการประมวลผลข้อมูล และบริษัทไม่มีอำนาจหรือฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวอีกต่อไป
- ท่านได้คัดค้านการประมวลผลตามข้อ 7.3
- เมื่อมีการประมวลผลข้อมูลของท่านโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กรณีที่ระบุไว้ข้างต้นนี้จะไม่นำมาใช้บังคับกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความจำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เพื่อจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือสถิติ เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับเวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ หรือประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง ปฏิบัติตาม หรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
7.7 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restriction of Processing)
สิทธิขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีดังต่อไปนี้
- บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ท่านร้องขอ
- กรณีข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ตามข้อ 7.6 แต่ท่านประสงค์ให้ระงับการใช้แทน
- บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอีกต่อไป แต่ท่านมีความจำเป็นและขอให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้อง หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- บริษัทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ตามข้อ 7.3 (1) หรือตรวจสอบตามข้อ 7.3 (3) เพื่อปฏิเสธการคัดค้านของท่านตามข้อ 7.3
7.8 สิทธิในการร้องเรียนหน่วยงานกำกับดูแล (Right to File Complaint)
ในกรณีที่บริษัท ลูกจ้าง หรือพนักงานของบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้
8. การใช้สิทธิและการติดต่อ
ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทหรือประสงค์ใช้สิทธิของตนตามข้อ 7 ท่านต้องดำเนินการติดต่อมาที่
ชื่อบริษัท | บริษัท พรีเมี่ยม เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด |
สถานที่ติดต่อ | เลขที่ 89 อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ ชั้นที่ 12 เอ ห้อง 12เอ04 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร |
ช่องทางการติดต่อ | หมายเลขโทรศัพท์: 02-050-8862 อีเมล: center@premium-fixman.com |
ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล |
โดยบริษัทจำเป็นต้องตรวจสอบยืนยันตัวตนของท่านก่อนการดำเนินการตามคำร้องใช้สิทธิและจะพยายามอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและดำเนินการตามคำร้องขอของท่านโดยไม่ชักช้า แต่ไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องดังกล่าว เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่าการดำเนินการตามคำร้องขอนั้นก่อให้เกิดภาระแก่บริษัทเกินสมควร หรือเป็นกรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำร้องดังกล่าวได้ หรือเป็นการเสี่ยงต่อการละเมิดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือกรณีที่เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติตามคำร้องขอ
9. ผลกระทบจากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือเพิกถอนความยินยอม
9.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทดำเนินการประมวลผลข้อมูลโดยอาศัยฐานทางกฎหมาย ได้แก่ (1) ฐานสัญญา และ (2) ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งได้ระบุในข้อ 3 เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อบริษัทในการปฏิบัติตามสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อการประมวลผลข้อมูลตามวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลที่ได้แจ้งแก่ท่านไว้ ในกรณีที่ท่านปฏิเสธการให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าวที่อาศัยฐานสัญญา และ/หรือ ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลที่แจ้งแก่ท่านได้ จนกว่าท่านจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นแก่บริษัทอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เช่น บริษัทอาจไม่สามารถจัดทำและจำหน่ายวารันตี (Warranty) ให้แก่ท่านได้ หรือท่านอาจไม่สามารถเคลมวารันตีกับบริษัทได้ เป็นต้น
9.2 ในกรณีที่ท่านปฏิเสธหรือเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูล อาจส่งผลให้ท่านถูกจำกัดสิทธิบางอย่าง หรือส่งผลให้บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลที่ท่านได้ปฏิเสธหรือเพิกถอนความยินยอมได้อย่างสมบูรณ์หากข้อมูลดังกล่าวจำเป็นต่อบริษัทในการดำเนินการนั้น
10. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก บริษัทในเครือของบริษัท หรือผู้ให้บริการที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งประเทศปลายทางดังกล่าวอาจมีหรืออาจไม่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด อย่างไรก็ตามบริษัทจะจัดให้มีขั้นตอนและมาตรการต่าง ๆ เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความปลอดภัย และในกรณีที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดบริษัทจะขอความยินยอมจากท่านในการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าว
11. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
ประกาศฉบับนี้ใช้เฉพาะสำหรับการจัดเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะผู้ถือวารันตี (Warranty) และใช้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์กับเครือข่ายอู่ซ่อมบำรุงของบริษัทอันเนื่องมาจากวารันตีนั้น หรือตัวแทน หรือผู้ประสานงานแทนของบุคคลดังกล่าวเท่านั้น ไม่รวมถึงการขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถยนต์หรือการใช้บริการอื่นใดของบริษัทซึ่งท่านจะต้องศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวที่ผู้ให้บริการนั้นแจ้งไว้แยกจากประกาศของบริษัทฉบับนี้อย่างสิ้นเชิง
12. กฎหมายที่ใช้บังคับ
ประกาศความเป็นส่วนบุคคลฉบับนี้ให้อยู่ภายใต้การบังคับและการตีความตามกฎหมายไทย โดยศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับประกาศฉบับนี้
13. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนบุคคล
บริษัทอาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลของท่านและการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะแจ้งให้ทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่สำคัญผ่านช่องทางที่เหมาะสม ทั้งนี้ หากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการกำหนดวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลเพิ่มเติม บริษัทอาจขอความยินยอมจากท่านก่อนการประมวลผลข้อมูลตามวัตถุประสงค์นั้นสำหรับกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม อย่างไรก็ตามท่านเข้าใจเป็นอย่างดีและยอมรับว่าเป็นหน้าที่ของท่านในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของประกาศความเป็นส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราว
ประกาศใช้ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565
บริษัท พรีเมี่ยม เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
นายกะคุ มัตซึดะ
(กรรมการบริษัท)